ปฏิวัติการป้องกันพังผืดในโพรงมดลูก
ผลการศึกษาประสิทธิภาพของเจลไฮยาลูรอนชนิดใหม่ (NCH Gel) หลังการขูดมดลูก
ภาวะพังผืดในโพรงมดลูก (IUA) คืออะไร?
เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยหลังการขูดมดลูก (D&C) ซึ่งอาจเกิดแผลเป็นและพังผืด ทำให้ผนังมดลูกติดกัน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาวะเจริญพันธุ์และอาจเป็นสาเหตุของการแท้งซ้ำ
พบในผู้หญิง
1 ใน 5
ที่แท้งบุตรและได้รับการขูดมดลูก
อาจนำไปสู่
>10 ล้าน
เคสใหม่ต่อปีทั่วโลก
ภาพรวมการศึกษาวิจัย
เป็นการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (Randomized Controlled Trial) ในโรงพยาบาล 6 แห่งของจีน เพื่อประเมินประสิทธิภาพของเจล NCH กับผู้หญิงที่ไม่เคยมีประวัติขูดมดลูกมาก่อน โดยใช้เกณฑ์ American Fertility Society (AFS) ในการประเมิน
1. คัดเลือกผู้เข้าร่วม
ผู้หญิง 300 คน (อายุ 18-45 ปี) ที่แท้งบุตร (อายุครรภ์ไม่เกิน 20 สัปดาห์)
2. แบ่งกลุ่มแบบสุ่ม
กลุ่มควบคุม (150)
กลุ่มใช้เจล NCH (150)
3. ติดตามผล
ส่องกล้องโพรงมดลูกใน 3 เดือน เพื่อประเมินผล (วิเคราะห์ข้อมูล 274 ราย)
ผลลัพธ์: NCH Gel ลดการเกิดพังผืดอย่างชัดเจน
อัตราการเกิดพังผืดโดยรวม
กลุ่มที่ใช้เจล NCH มีอัตราการเกิดพังผืดน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ (p = 0.0012)
ลดพังผืดระดับปานกลาง-รุนแรง
ลดความเสี่ยงการเกิดพังผืดที่อันตรายได้ถึง 16.7 เท่า (p = 0.0002)
วิเคราะห์คะแนนพังผืด (Adhesion Score)
กลุ่มที่ใช้เจล NCH มีคะแนนพังผืดต่ำกว่าในทุกมิติที่ทำการวัด (ยิ่งคะแนนต่ำยิ่งดี) แสดงถึงผลกระทบเชิงบวกต่อสุขภาพโพรงมดลูกโดยรวม
ผลลัพธ์ในทางปฏิบัติ (Number Needed to Treat)
ตัวเลขนี้บอกว่าเราต้องใช้เจล NCH กับผู้ป่วยกี่คน เพื่อจะป้องกันการเกิดพังผืดได้ 1 ราย ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในทางการแพทย์
รักษาผู้ป่วยประมาณ
7 คน
เพื่อป้องกันการเกิดพังผืด (ทุกระดับ) 1 ราย
รักษาผู้ป่วยประมาณ
9 คน
เพื่อป้องกันพังผืด "ระดับปานกลาง-รุนแรง" 1 ราย
เปรียบเทียบความรุนแรง (เฉพาะกลุ่มที่พบพังผืด)
ในกลุ่มที่เกิดพังผืด กลุ่ม NCH ส่วนใหญ่เป็นเพียงระดับเล็กน้อย ขณะที่กลุ่มควบคุมเกือบครึ่งหนึ่งเป็นระดับปานกลาง (p = 0.0087)
กลุ่มใช้เจล NCH (พบพังผืด 13 ราย)
กลุ่มควบคุม (พบพังผืด 33 ราย)
ข้อมูลด้านความปลอดภัย
ตลอดระยะเวลาการศึกษา ไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรง และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เจล NCH โดยตรง แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
บทสรุป
การใช้เจลไฮยาลูรอนชนิดใหม่ (NCH Gel) หลังการขูดมดลูก สามารถลดอุบัติการณ์และความรุนแรงของพังผืดในโพรงมดลูกได้อย่างมีนัยสำคัญและมีความปลอดภัยสูง ซึ่งนับเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องภาวะเจริญพันธุ์ของผู้หญิง